เมนู

ปรายิกัตถประโยชน์เป็นนิตย์ ธรรม 8 ประการ
ดังกล่าวนี้ ของผู้ครองเรือน ผู้มีศรัทธา อันพระ-
พุทธเจ้าผู้มีพระนามอันแท้จริง ตรัสว่านำสุขมา
ให้ในโลกทั้งสอง คือ ประโยชน์ในปัจจุบันนี้และ
ความสุขในภายหน้า บุญ คือ จาคะนี้ ย่อมเจริญ
แก่คฤหัสถ์ด้วยประการฉะนี้.

จบ ฉัฏฐปฏิปทาสูตรที่ 6

อรรถกถาปฏิปทาสูตรที่ 4-6


จตุตถปฏิปทาสูตรที่ 4

มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้:-
บทว่า ปฏิหิตาย ได้แก่ เมื่อราตรีดำเนินไป บทว่า โส
มมสฺสนฺตาโย
ความว่า อันตรายแห่งชีวิตนั้นพึงมีแก่เรา คือ ทั้ง
อันตรายต่อสวรรค์ ทั้งอันตรายต่อมรรค พึงมีแก่เราผู้ทำกาลกิริยา
เยี่ยงปุถุชน. บทว่า สตฺถกา วา เม วาตา ความว่า ลมชื่อว่า มีพิษ
ดังศาตรา เพราะตัดอวัยวะน้อยใหญ่เหมือนศาตรา. สูตรที่ 5
เป็นต้น มีนัยดังกล่าวแล้วแล.
จบ อรรถกถาปฏิปทาสูตรที่ 4-5-6

7. อิจฉาสูตร


[174] ณ ที่นั้นแล ท่านพระสารีบุตรเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นรับคำท่านพระสารีบุตรแล้ว
ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย บุคคล 8
จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก 8 จำพวกเป็นไฉน.
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่
เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อ
ได้ลาภ เธอย่อมหมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอหมั่นเพียร
พยายามเพื่อให้ได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้น เธอย่อมเศร้าโศก ลำบาก
ร่ำไร ทุบอกคร่ำครวญ ถึงความหลงใหล เพราะไม่ได้ลาภนั้น
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ
หมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภอยู่ แต่ไม่ได้ลาภ เศร้าโศก ร่ำไร
และเคลื่อนจากพระสัทธรรม.
อนึ่ง ภิกษุในธรรมทวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้
ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อได้ลาภ เธอย่อมหมั่น
เพียรพยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอหมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ
ลาภเกิดขึ้น เธอย่อมมัวเมาถึงความประมาทเพราะลาภนั้น ดูก่อน
อาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ หมั่นเพียร
พยายามเพื่อได้ลาภ ได้ลาภแล้ว มัวเมาประมาท และเคลื่อนจาก
พระสัทธรรม.